Posted on

สารพันปัญหาผมขาว กับการใช้แชมพูปิดผมขาวที่ง่ายและปลอดภัย

“ผม” เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ขึ้นมาจากหนังศีรษะ แต่ “ผม” ยังเป็นมากกว่าส่วนหนึ่งของอวัยวะของร่างกาย เพราะ”ผม” ยังบ่งบอกถึงลักษณะ บุคลิกภาพ หรืออาจสื่อถึงนิสัยของคน ๆ นั้นได้ด้วย

โดยทั่วไปทุกคนจะให้การดูแลเอาใจใส่หรือบำรุงเส้นผมให้ดูดีอยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่การสระผมทำความสะอาด ใช้ครีมนวด หรือครีมบำรุงผม ทำทรีทเมนต์สูตรต่าง เพื่อให้ผมแลดูนุ่มสลวย เงางาม มีน้ำหนัก แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของ “ผม” ที่หลายคนเป็นและพยายามหาวิธีแก้ไข แต่ก็ทำให้กลับมาดีได้ยากก็คือปัญหา “ผมขาว” หรือ “ผมหงอก” ทั้งที่เป็นก่อนวัยอันควร หรือเป็นตามวัยที่มีอายุมาก ก็มักทำให้เกิดความกังวลหรือขาดความมั่นใจไปมากทีเดียว
ลองมาหาคำตอบและการแก้ไขปัญหาผมขาว ในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลผมของแต่ละคนกันดีกว่านะคะ

สาเหตุของการเกิดผมขาว (ผมหงอก)
1. อายุ
เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์เมลาโนไซต์หยุดสร้างเม็ดสี หรือสร้างน้อยลง จึงทำให้ผมเป็นสีเทา หรือสีขาว ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผมจะเริ่มหงอกในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป และจะเริ่มหงอกอย่างน้อยครึ่งศีรษะในช่วงอายุประมาณ 55 ปี
2. พันธุกรรม
การเกิดผมขาวก่อนวัย อาจเกิดจากพันธุกรรม แต่ละเชื้อชาติอาจมีผมขาวก่อนวัยในอายุที่ต่างกัน เช่น คนผิวขาวผมอาจเริ่มขาวได้เมื่อายุ 20 ปี หญิงสาวชาวเอเชียอาจจะมีผมขาวได้ในอายุ 25 ปี และ คนแอฟริกันและอเมริกันอาจมีผมขาวได้เมื่อายุ 30 ปี
3. ขาดสารอาหารและวิตามิน
การขาดวิตามินและสารอาหารบางอย่างเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาผมขาว ได้แก่ วิตามินบี 6, บี 12, ไบโอติน, วิตามินดีหรือวิตามินอี อาจทำให้เกิดอาการหงอกก่อนวัยได้ หากเกิดจากการขาดวิตามิน สามารถแก้ไขให้ผมกลับมาสภาพเดิมได้ ด้วยการเสริมวิตามิน
4. การเจ็บป่วย
ในทางการแพทย์มีโรคบางอย่างที่เป็นสาเหตุทำให้ผมขาว เช่นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้ผมหงอกมากขึ้น หรือโรคโลหิตจาง ก็ทำให้ผมหงอกได้ เพราะเลือดไปหล่อเลี้ยงเส้นผมไม่พอ ยาบางชนิดก้อาจทำให้ผมหงอกได้
5. การสูบบุหรี่
จากการศึกษาพบว่าคนที่สูบบุหรี่ มีแนวโน้มการเกิดผมขาวก่อนวัย รวมถึงทำให้สภาพผิวหนังทรุดโทรมอีกด้วย
6. สารเคมี
สารเคมีทุกอย่างที่ใช้กับเส้นผม เช่น สารเคมีสำหรับย้อมผม หรือแม้แต่แชมพูสระผม ก็สามารถทำให้เกิดผมขาวก่อนวัยได้ หากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีส่วนผสมที่เป็นอันตราย ทำให้ลดเมลานินลง อีกทั้งไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งอยู่ในสีย้อมผมก็เป็นสารเคมีอันตรายชนิดหนึ่ง
7. ความเครียด
ความเครียดสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุล เมื่อสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอก็อาจจะทำให้เกิดผมขาวได้เพราะสูญเสียการทำงานของเซลล์
8. เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ตกใจหรือเสียใจสุดขีด
การตกใจ หรือเสียใจสุดขีดทำให้เซลล์รากผมจะหยุดเจริญเติบโตไปชั่วขณะ ผมจะร่วงเป็นกระจุก และหงอกขาวภายในไม่กี่วัน

จะป้องกันผมหงอกได้อย่างไร
ผมหงอกไม่สามารถป้องกันได้ เพราะเป็นความเสื่อมตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น แต่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผมหงอกก่อนวัยได้โดย
1. ทานอาหารที่มีประโยชน์
เริ่มจากทานอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่ เพิ่มการทานอาหารที่ช่วยบำรุงผมให้มากขึ้น เช่น โปรตีน ได้จากเนื้อ นม ไข่ ทานแล้วช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ไม่ขาดร่วงง่าย, วิตามินบีได้จากผักใบเขียว ธัญพืช โยเกิร์ต ช่วยให้ผมเงางามชุ่มชื่น, วิตามินเอ ได้จากผักใบเขียว ผลไม้สีเหลืองและส้ม ช่วยให้หนังศีรษะและเส้นผมมีสุขภาพแข็งแรง เป็นต้
นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ช่วยชะลอผมหงอก ได้แก่
ว่านหางจระเข้
เป็นอาหารสำหรับบำรุงผมให้สวยจากภายนอก โดยใช้วุ้นว่านหางจระเข้ชโลมให้ทั่วศีรษะ แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง จากนั้นจึงล้างออกให้สะอาด ซึ่งจะช่วยบำรุงผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม ทั้งยังรักษาแผลบนหนังศีรษะได้อีกด้วย
ถั่วดำ
มีกรดโฟลิกสูง ซึ่งช่วยชะลอยับยั้งผมหงอกได้ดี นอกจากนี้ยังมีการนำเอาถั่วดำมาหมักผม โดยผสมกับน้ำส้มสายชูกลั่นแล้วเคี่ยวจนได้ที่ จากนั้นนำมาหมักผม เน้นบริเวณที่มีผมหงอก ก็จะช่วยให้ผมกลับมาดำเหมือนเดิมได้
ข้าวกล้อง
อุดมไปด้วยโปรตีน กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย กรดแพนโทเทนิก หรือวิตามินบี 5
งาดำ
มีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของดำในเรื่องการบำรุงผมให้หนานุ่มแข็งแรงและดกดำ เมื่อผมแข็งแรงก็จะไม่หงอกก่อนวัยนั่นเอง

2. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำให้มากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ การมีสุขภาพที่แข็งแรงจะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยลงได้ ช่วยลดความเสี่ยงในการใช้ยารักษาโรคได้อีกทางหนึ่ง

3. ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส
ความเครียดมีผลทำให้ผมหงอกไวขึ้น เพราะฉะนั้นการทำให้ตัวเองมีสุขภาพจิตที่ดี ก็ย่อมช่วยชะลอไม่ให้ผมหงอกก่อนวัยได้

4. ดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี
เริ่มจากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อเส้นผม ทรีทเมนท์ผมบ้างสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อบำรุงผมด้วยสารอาหารที่เข้มข้น ไม่สระผมด้วยน้ำอุ่นบ่อยเกินไปและห้ามสระด้วยน้ำที่อุ่นจัด เพราะจะทำให้ผมเปราะขาดร่วงได้ง่าย หลีกเลี่ยงการเป่าลมร้อนหรือจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนโดยไม่จำเป็น ไม่หวีในขณะสระ ไม่มัดผมบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผมหักขาดได้ เวลาสระผมแนะนำให้นวดผมไปพร้อมกันด้วยจะช่วยให้หนังศีรษะและรากผมแข็งแรงมากยิ่งขึ้น การดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผมแข็งแรง นุ่มสลวยและไม่ขาดหลุดร่วงได้ง่าย

5. หลีกเลี่ยงการถอนผมโดยไม่จำเป็น
 เพราะมันจะทำให้รากผมอ่อนแอ ผมจะขึ้นช้าลง ผมใหม่ขาดหลุดร่วงได้ง่ายทำให้ผมบางหรืออาจจะไม่ขึ้นอีกเลยในท้ายที่สุด

ย้อมผม  ทำสีผม บ่อยๆ จะเกิดอันตรายไหม
ปัจจุบัน สารเคมีที่ใช้ในน้ำยาย้อมผม ค่อนข้างปลอดภัยได้มาตรฐาน แม้จะอ้างว่าไม่มีการพบสารก่อมะเร็งอีกต่อไป แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากอาการแพ้สารเคมีเกิดขึ้นได้ในบางรายอยู่ดี มีข้อแนะนำการใช้น้ำยาย้อมผมดังนี้
– สารเคมีในน้ำยาย้อมผมอาจการกระตุ้นของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้เกิดการอักเสบ หรือผื่นแพ้สัมผัสได้
– สารในน้ำยาย้อมผม ยิ่งมีความเข้มของสีมาก ยิ่งทำให้เกิดการแพ้ได้มาก
– ควรหลีกเลี่ยงยาย้อมผมที่มีสาร Resorcinol และพาราฟีนีลีนไดอะมีน PPD ในปริมาณมาก เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคผื่นแพ้สัมผัสได้
– หากมีปัญหากับผิวหนังบนหนังศีรษะ เช่น มีแผล, มีรังแคมาก ควรหลีกเลี่ยงการทำสีผม เพราะสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่มักอยู่ในยาย้อมผม อาจทำให้บนหนังศีรษะ เกิดอาการระคายเคืองมากขึ้น
– ไม่ควรย้อมผมบ่อย แนะนำให้ทำสีผม 1 ครั้ง แล้วเว้นช่วง 3 เดือน ก่อนจะเริ่มทำสีผมได้ใหม่อีกและควรบำรุงเส้นผมด้วยการใช้คอนดิชันเนอร์หลังสระผมทุกครั้ง และลดการใช้ความร้อนกับเส้นผม รวมถึงหนังศีรษะอีกด้วย

สารเคมีในน้ำยาย้อมผมมีอะไรบ้าง

น้ำยาย้อมผมประกอบด้วยสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง 5 ตัวหลักๆ ดังนี้ (ข้อมูลจากwww.thaihealth.or.th)

  1. สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไชด์ เป็นสารฟอกสีผมและฆ่าเชื้อโรค จึงมีฤทธิ์ในการทำลายเส้นผม กัดสีผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบและระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตลอดจนทำให้เส้นผมแห้งเสียได้
  2. สารฟีนิลินไดอะมีน หรือสีย้อมผมชนิดถาวรนั้นเป็นสารเคมีอันตราย เมื่อดูดซึมเข้าสู่หนังศีรษะแล้ว อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง และหากสะสมอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้
  3. แอมโมเนีย ซึ่งเป็นตัวช่วยให้สีย้อมผมติดผมนั้น ขณะเดียวกันสารดังกล่าวยังมีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง ที่สามารถกัดเส้นผมและหนังศีรษะได้ จึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมเสียผมร่วง และทำให้รากผมอ่อนแอลง
  4. สารซิลเวอร์ไนเตรต เป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการปกปิดผมขาว โดยตัวสารนี้เมื่ออยู่บนหนังศีรษะ จะทำปฏิกิริยากับอากาศแล้วเปลี่ยนให้เส้นผมกลายเป็นสีดำ ซึ่งสารตัวดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดการระคาย หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้
  5. สารเลดอะซีเตด เป็นสารตะกั่วที่ใช้ในครีมปกปิดผมขาว ชนิดที่ไม่ต้องล้างออก เช่นเดียวกับสารซิลเวอร์ไนเตรต และเนื่องจากสารตะกั่วนี้มีคุณสมบัติคล้ายกับสารตะกั่วที่ผสมในน้ำมันในอดีต ดังนั้น หากสะสมในร่างกาย อาจทำรายสมองและประสาทสัมผัสได้ ที่สำคัญสารนี้ยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน

มีวิธีปิดผมขาวที่ง่ายและปลอดภัยหรือไม่
หากจะเลี่ยงการปิดผมขาวด้วยวิธีย้อมผม เพื่อให้ปลอดภัยจากสารเคมี ขณะนี้มีการใช้ผลิตภัณฑ์แชมพูปิดผมขาวอย่างแพร่หลาย และยังใช้เป็นแชมพูเปลี่ยนสีผมได้ตามความต้องการอีกด้วย ซึ่งแชมพูปิดผมขาวมีข้อดีคือ

1. ทำง่าย ทำเองได้ที่บ้าน
เพียงสระผมให้สะอาดโดยไม่ใช้คอนดิชันเนอร์ ซับผมให้พอหมาด สวมถุงมือ แล้วจึงผสมแชมพูเปลี่ยนสีผมทั้ง 2 ส่วน
ให้เข้ากันดี  ทาแชมพูเปลี่ยนสีผมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือ 20-30 นาทีเพื่อสีที่เด่นชัดและติดทน
นานยิ่งขึ้น เมื่อครบกำหนดเวลา พรมน้ำลงบนเส้นผม นวดให้ทั่วศีรษะ แล้วล้างออก
2. รวดเร็ว
3. ไม่ต้องใช้อุปกรณ์
4. ราคาถูก
5. มีสีผมให้เลือก
6. กลิ่นไม่ฉุน สีไม่ติดหนังศีรษะ ไม่ทำลายเส้นผม

วิธีเลือกซื้อแชมพูปิดผมขาวที่ดีที่สุด

เลือกส่วนผสมจากธรรมชาติ
การซื้อแชมพูปิดผมขาวควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ทำจากสารเคมีเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ แต่ควรเลือกส่วนผสมจากสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผม ซึ่งจะได้รับการบำรุงไปพร้อมกับการเปลี่ยนสีผม

เฉดสีที่ต้องการ
เฉดสีส่วนใหญ่จะเป็นเฉดสีในโทนธรรมชาติก็คือเฉดสีดำ สีน้ำตาล น้ำตาลอ่อนและสีช็อกโกแลต  หากเป็นเฉดสีตามแฟชั่นสีอาจติดไม่ทน สีก็จะหลุดไปทุกครั้งที่คุณเริ่มสระผมหรือสัมผัสกับความร้อน

กลิ่นและความปลอดภัย
แชมพูปิดผมขาวที่ดีควรมีกลิ่นที่หอม หรือไม่ฉุน ต้องไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนียเพราะแอมโมเนียมีกลิ่นฉุนและอาจไม่ปลอดภัยต่อการสูดดม การเลือกผลิตภัณฑ์แชมพูปิดผมขาวความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ

C9 ORGANIC COLOR SHAMPOO (ยาสระผมกลบหงอก)